ชุบนิเกิล คือ กระบวนการชุบ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มคุณสมบัติบางประการให้กับวัสดุ อย่างเช่น เพิ่มความแข็งแรงทนทาน เพิ่มความสามารถในการต้านทานการสึกหรอ เพิ่มความสามารถในการนำไฟฟ้า และเพิ่มคุณสมบัติในการป้องกันสนิม เป็นต้นกระบวนการชุบนิเกิล แบ่งออกเป็น 2 กระบวนการหลักๆ ด้วยกัน ก็คือ
1. กระบวนการชุบนิเกิลแบบใช้ไฟฟ้า
2. กระบวนการชุบนิเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้า
ซึ่งในวันนี้เราจะขออธิบายเฉพาะเจาะจงไปในส่วนของกระบวนการ “ชุบนิเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้า” ที่ทำให้คุณเห็นว่ากระบวนการชุบนิเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้า มีข้อดีอย่างไร ทำไมกระบวนการนี้ถึงได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน
การชุบนิกเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้า คือ กระบวนการชุบนิกเกิลที่สามารถควบคุมความหนาของผิววัสดุให้สม่ำเสมอได้ทั่วทั้งตัวของชิ้นงาน และก็ยังทำให้วัสดุมีคุณสมบัติที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มคุณสมบัติที่โดดเด่นให้กับวัสดุนั้นๆ อาทิเช่น เพิ่มความแข็งแรงทนต่อการสึกหรอและทนต่อการกัดกร่อน เป็นต้น
การชุบนิกเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้าหรือคานิเจน กระบวนการชุบนิกเกิลโดยไม่ใช้ไฟฟ้านี้ ช่วยทำให้ผิวเคลือบนั้นมีความมันวาวและเรียบทั่วเท่ากันทุกส่วน สามารถเคลือบได้บนวัสดุที่หลากหลายประเภทและชิ้นงานที่หลากหลายรูปแบบ เช่น ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนช่วงล่าง เบรก ชิ้นส่วนไฟฟ้าและส่วนประกอบ ชิ้นส่วนขับเคลื่อนและชิ้นส่วนส่งกำลัง ฯลฯ
คุณสมบัติที่ได้จากการชุบนิกเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้า โดยสรุป
- การชุบนิกเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้าจะทำให้ผิวเคลือบมีความเรียบทั่วเท่ากันทุกส่วน
- การชุบนิกเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้าจะทำให้ผิวเคลือบวัสดุมีรูพรุนน้อย
- การชุบนิกเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้าสามารถใช้ได้กับวัสดุเหล็กและอลูมิเนียม
- การชุบนิกเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้าสามารถชุบเคลือบผิวได้ทั่วทุกพื้นที่ของผิว โดยมีความหนาสม่ำเสมอกันแม้ชิ้นงานจะมีรูปร่างที่ซับซ้อนก็ตาม
- การชุบนิกเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้านั้นสามารถควบคุมความหนาของชั้นเคลือบได้
- การชุบนิกเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้าทำให้ได้วัสดุที่มีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง
- การชุบนิกเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้าจะทำให้ได้วัสดุที่สามารถทนต่อการสึกหรอได้เป็นอย่างดี
- การชุบนิกเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้านั้นจะทำให้สามารถทนต่ออุณหภูมิและสภาวะความเป็นด่างได้สูง
ทั้งหมดนี้ก็คือการชุบนิกเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้า คุณคงเห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าการชุบนิกเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้านั้น มีข้อดีอย่างไรบ้างข้อดีหลักๆ ที่เห็นเลยก็คือจะทำให้ผิวเคลือบมีความเรียบทั่วเท่ากันทุกส่วน หรือสามารถควบคุมความหนาของผิวได้อย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งตัวของชิ้นงาน นอกจากนั้นก็ยังช่วยเพิ่มคุณสมบัติที่หลากหลายประการ